โรคหลอดเลือดสมอง Stroke คืออะไร
Stroke คือ ภาวะสมองขาดเลือด ซึ่งอาจเกิดจากการที่หลอดเลือดสมองตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดสมองแตก จึงไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมองได้ ส่งผลให้เซลล์สมองเกิดความเสียหาย ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง Stroke
โรคหลอดเลือดสมอง Stroke เกิดจากหลายสาเหตุ อาจเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดตั้งแต่กำเนิด เกิดจากอุบัติเหตุบริเวณศีรษะทำให้หลอดเลือดแตก หรือความเสื่อมของหลอดเลือดตามวัยในกลุ่มผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังพบว่ามีความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคไต ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมถึงปัจจัยเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ มีความเครียดสูง ขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น
โรคหลอดเลือดสมอง Stroke อาการเป็นอย่างไร
ผู้ป่วย Stroke มักมีอาการเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน บางรายมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือมีอาการชั่วครู่แล้วหายเป็นปกติ แต่นั่นคือสัญญาณเตือนอันตราย ยิ่งพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเร็วเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสรอดสูงขึ้นเท่านั้น โดยวิธีสังเกตผู้ป่วย Stroke อาการเตือนจำง่าย ๆ ด้วยคำว่า BEFAST ซึ่งย่อมาจาก
B Balance สูญเสียการทรงตัว เดินเซ เดินชน เวียนศีรษะ
E Eyes ตามัว ตาพร่า เห็นภาพซ้อน สูญเสียการมองเห็นแบบเฉียบพลัน
F Face ใบหน้าชา ปากเบี้ยว มุมปากตก
A Arm แขนขาชา มีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก
S Speech พูดไม่ชัด นึกคำที่จะพูดไม่ออก พูดหรือฟังไม่เข้าใจ มึนงง สับสน
T Time รีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เพราะทุกนาทีคือโอกาสที่ผู้ป่วยจะมีชีวิตรอด
โรคหลอดเลือดสมอง Stroke มีกี่ประเภท
การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง จะแตกต่างกันตามลักษณะความผิดปกติของหลอดเลือด โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke)
พบได้มากถึง 80% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันบริเวณผนังหลอดเลือด จนทำให้หลอดเลือดแคบลง ผนังหลอดเลือดหนา ขาดความยืดหยุ่น เลือดจึงไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี นอกจากนี้ยังอาจจะเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ หรือมีลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นบริเวณอื่นไหลมาอุดตัน เป็นต้น
2. หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke)
มักพบในผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อม ผนังหลอดเลือดเปราะบาง ปริแตกง่าย ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ในขณะที่เลือดบางส่วนก็ไหลออกไปสะสมและกดทับเนื้อเยื่อสมอง ทำให้เซลล์สมองได้รับความเสียหาย ผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองแตก อาการเริ่มแรกจะคล้ายกับอาการหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน แพทย์จึงต้องทำการ CT Scan หรือ MRI เพิ่มเติมเพื่อวางแนวทางการรักษาให้เหมาะสม
วิธีการรักษา Stroke ที่ดีที่สุด
วิธีการรักษา Stroke ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากผู้ป่วยมีอาการหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน แพทย์อาจพิจารณาให้ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านเกล็ดเลือด ยาลดความดัน ยาลดไขมัน ใส่สายสวนหลอดเลือดแดง ใช้บอลลูนหรือขดลวดช่วยขยายหลอดเลือดที่ตีบ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหลอดเลือดแตก และมีเลือดออกมาก แพทย์อาจพิจารณาทำการผ่าตัดสมอง
แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การพยาบาลผู้ป่วย Stroke ระยะฟื้นฟู เพราะแม้ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาจนพ้นจากภาวะวิกฤตแล้ว ก็ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น การเคลื่อนไหว การควบคุมการขับถ่าย การสื่อสาร ความจำ ฯลฯ ในช่วงระยะเวลา 3-6 เดือนแรกหลังเกิดอาการ Stroke จึงต้องเร่งฟื้นฟูผู้ป่วยด้วยการกายภาพบำบัด เพื่อกระตุ้นให้เซลล์สมองกลับมาทำงานได้ตามปกติ เพราะเป็นช่วงเวลาทอง (Golden Period) ที่สมองสามารถฟื้นฟูได้ดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับอาการ Stroke
อาการสโตรกรักษาหายไหม
หากพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลและรับการรักษาได้ทันภายใน 4.5 ชั่วโมง จะสามารถรักษาอาการสโตรกให้หายเป็นปกติได้ และยังลดโอกาสที่จะเกิดอาการแทรกซ้อน อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือความพิการต่าง ๆ ได้อีกด้วย
Stroke Fast Track คือ
ทุกวินาทีหมายถึงโอกาสรอดชีวิต ผู้ป่วย Stroke จึงต้องได้รับการรักษาด่วนที่สุด หลายโรงพยาบาลจึงมีระบบ Stroke Fast Track เป็นช่องทางด่วนเพื่อให้บริการผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือสงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โดยจะมีการวางแผนการให้บริการที่ชัดเจน เป็นระบบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเสียชีวิต และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้